สารบัญ

  1. บทนำ
  2. ปัญหาทำการบ้าน “ติดขัด” ไม่ได้แปลว่าเด็กไม่เก่ง
  3. ขั้นแรก: สังเกต “จุดที่ลูกติด” ก่อนหาวิธีแก้
  4. ฝึกจังหวะสมาธิ: เทคนิค “20 นาทีทำงาน 3 นาทีพัก”
  5. เมื่อควรพิจารณาเรียนพิเศษ
  6. บทบาทของผู้ปกครอง: สังเกต แทนที่จะตัดสิน
  7. สรุป: อย่าเร่งแก้ด้วยการเรียนพิเศษ แต่เริ่มจาก “เข้าใจลูก”
  8. Q&A

บทนำ

เมื่อโรงเรียนเปิดเทอมมาได้สองเดือน หลายครอบครัวเริ่มสังเกตเห็นว่า “ลูกทำการบ้านช้าลง” หรือ “นั่งทำการบ้านนานแต่ไม่เสร็จ” ไม่ว่าจะเป็นการลืมเนื้อหาที่เพิ่งเรียนไป เขียนผิดพลาด หรือทำคณิตศาสตร์ไม่ได้ KUBET ทำให้ผู้ปกครองหลายคนรู้สึกทั้งหงุดหงิดและเป็นกังวล แต่แท้จริงแล้ว ปัญหานี้อาจไม่ใช่เพราะลูกเรียนไม่เก่ง หรือมีความรู้ไม่พอ หากแต่อาจเกิดจาก รูปแบบการเรียนรู้และจังหวะสมาธิที่แตกต่างกัน ซึ่งเป็นเรื่องปกติในพัฒนาการของเด็กแต่ละคน

หัวข้อรายละเอียด
สถานการณ์โรงเรียนเปิดเทอมได้สองเดือน ผู้ปกครองสังเกตพฤติกรรมลูก
อาการ/พฤติกรรมที่พบ– ทำการบ้านช้าลง- นั่งทำการบ้านนานแต่ไม่เสร็จ- ลืมเนื้อหาที่เพิ่งเรียนไป- เขียนผิดพลาด- ทำคณิตศาสตร์ไม่ได้
ความรู้สึกผู้ปกครองหงุดหงิดและกังวล
สาเหตุที่เป็นไปได้– ไม่ใช่เพราะลูกเรียนไม่เก่งหรือมีความรู้ไม่พอ- อาจเกิดจากรูปแบบการเรียนรู้และจังหวะสมาธิที่แตกต่างกัน
ข้อสรุปเป็นเรื่องปกติในพัฒนาการของเด็กแต่ละคน

ปัญหาทำการบ้าน “ติดขัด” ไม่ได้แปลว่าเด็กไม่เก่ง

หวง หงซิน นักจิตวิทยาคลินิกจากสถาบันบำบัดจิต เมืองไทเป อธิบายว่า “อาการที่เด็กทำการบ้านไม่ได้ ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่เข้าใจบทเรียนเสมอไป บางครั้งอาจเป็นเพียงเพราะจังหวะการคิดไม่ทัน สมาธิสั้น KUBET หรือใช้วิธีเข้าใจที่ต่างออกไปจากที่ครูสอน” ผู้ปกครองหลายคนเมื่อเห็นลูกทำงานช้า ก็มักจะรีบหาทางออกโดยการ ส่งเรียนพิเศษหรือหาครูสอนตัวต่อตัว แต่ในความเป็นจริง ก่อนจะตัดสินใจแบบนั้นKUBET ควรเริ่มจาก “การสังเกต” ก่อนว่า เด็กติดตรงไหน

ขั้นแรก: สังเกต “จุดที่ลูกติด” ก่อนหาวิธีแก้

เด็กแต่ละคนมีลักษณะการทำงานของสมองต่างกัน KUBET บางคนเข้าใจเร็วแต่ขาดความตั้งใจ บางคนตั้งใจดีแต่ประมวลผลช้า หรือจำได้ไม่แม่น นักจิตวิทยาแนะนำให้ผู้ปกครองลองสังเกตสิ่งต่อไปนี้: เด็กลืมสิ่งที่เพิ่งเรียนไปหรือไม่? เขาทำผิดเพราะไม่เข้าใจ หรือเพราะรีบทำ? เวลาทำการบ้าน เขามีสีหน้ากังวล เบื่อ หรือใจลอยหรือไม่? เมื่อแก้โจทย์ไม่ได้ เขามีปฏิกิริยาอย่างไร (เช่น หยุดนิ่ง ร้องไห้ หรือหงุดหงิด)? การเข้าใจ “พฤติกรรมที่เกิดก่อนอาการติดขัด” KUBET จะช่วยให้ผู้ปกครองรู้ว่า เด็กต้องการ ความช่วยเหลือด้านความเข้าใจ หรือเพียงแค่ต้องการ คนคอยช่วยจัดจังหวะและสร้างสมาธิ

ฝึกจังหวะสมาธิ: เทคนิค “20 นาทีทำงาน 3 นาทีพัก”

หวง หงซิน แนะนำว่า หากเด็กมีปัญหาสมาธิสั้น ไม่จำเป็นต้องเพิ่มชั่วโมงเรียน KUBET แต่ควรฝึกให้เขา “ทำงานเป็นจังหวะ” เช่น ให้เด็กทำการบ้าน 20 นาที แล้วพัก 3 นาที แบ่งงานออกเป็นตอนสั้น ๆ เช่น ทำคณิตศาสตร์ 2 ข้อ แล้วพักดื่มน้ำ KUBET หรือยืดตัวเล็กน้อย ใช้วิธี “ทำไปทีละขั้น” โดยช่วยให้เขา วงคำสำคัญในโจทย์ หรือ ปิดข้อความส่วนอื่นไว้ เพื่อโฟกัสเฉพาะทีละส่วน เทคนิคนี้ไม่เพียงช่วยให้เด็กทำงานได้อย่างมีระบบ แต่ยังช่วย ฝึกสมาธิและความทนทานทางจิตใจ อีกด้วย

เมื่อควรพิจารณาเรียนพิเศษ

หวง หงซิน เสริมว่า หากเด็ก “เข้าใจแต่ขาดสมาธิ” — การหาครูพิเศษอาจไม่ช่วยเท่าการปรับพฤติกรรม แต่ถ้าเด็ก มีความเข้าใจผิดหรือขาดพื้นฐานจริง ๆ เช่น จำคำศัพท์ภาษาอังกฤษไม่ได้เลย หรือแก้โจทย์คณิตศาสตร์ที่เปลี่ยนรูปแบบไม่ได้ แม้จะฝึกหลายครั้งแล้วยังผิดซ้ำ ๆ — นั่นคือสัญญาณว่า อาจต้องการการสอนเสริมแบบเป็นระบบ KUBET เพื่อช่วยให้กลับไปเข้าใจพื้นฐานใหม่อย่างถูกต้อง

บทบาทของผู้ปกครอง: สังเกต แทนที่จะตัดสิน

นักจิตวิทยาเตือนว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือ อย่าเพิ่งด่วนสรุปว่าเด็กขี้เกียจหรือไม่ตั้งใจ ให้ลอง “ดู” มากกว่า “ถาม” เช่น สังเกตว่าเขาหยุดมือที่บรรทัดไหน KUBET ใช้เวลาคิดนานแค่ไหน หรือขมวดคิ้วในจังหวะใด เพราะข้อมูลเหล่านี้สะท้อนจุดที่เด็กต้องการการช่วยเหลือ “การถามว่า ‘ทำไมไม่ตั้งใจ’ ไม่ได้ช่วยอะไรเท่ากับการดูว่า ‘ตอนที่เขาเริ่มไม่ตั้งใจ เขากำลังเจอกับอะไร’” — หวง หงซิน, นักจิตวิทยาคลินิก

สรุป: อย่าเร่งแก้ด้วยการเรียนพิเศษ แต่เริ่มจาก “เข้าใจลูก”

เด็กแต่ละคนมีจังหวะการเรียนรู้ที่ไม่เหมือนกัน บางคนต้องใช้เวลาในการเรียบเรียงข้อมูล บางคนต้องมีคนช่วยจัดระบบการทำงาน KUBET การสังเกตอย่างใจเย็นของผู้ปกครองคือ “กุญแจสำคัญ” ที่จะช่วยให้เข้าใจรากของปัญหาได้ดีกว่าการเร่งหาทางแก้ด้วยการเรียนพิเศษ เมื่อพ่อแม่เข้าใจจุดแข็งและจุดอ่อนของลูก การสนับสนุนที่ให้ก็จะ “ตรงจุด” มากขึ้น ส่งผลให้เด็กกลับมามีความมั่นใจ สนุกกับการเรียน และค่อย ๆ พัฒนาได้ตามศักยภาพของตนเอง

Q&A

คำถาม 1: ทำไมเด็กบางคนถึงทำการบ้านช้าหรือทำไม่เสร็จ ทั้งที่ไม่ได้หมายความว่าเด็กไม่เก่ง
คำตอบ: เพราะจังหวะการคิด สมาธิ หรือรูปแบบการเรียนรู้ของเด็กแต่ละคนแตกต่างกัน เด็กอาจลืมสิ่งที่เพิ่งเรียน ใช้วิธีคิดต่างจากที่ครูสอน หรือสมาธิสั้น จึงทำให้ทำการบ้านช้า

คำถาม 2: ผู้ปกครองควรเริ่มแก้ปัญหาการบ้านติดขัดของเด็กอย่างไร
คำตอบ: ควรเริ่มจากสังเกตจุดที่เด็กติด เช่น เด็กลืมสิ่งที่เรียนไปหรือไม่ ทำผิดเพราะไม่เข้าใจหรือรีบทำ สีหน้าและพฤติกรรมเวลาทำการบ้าน การสังเกตช่วยให้รู้ว่าเด็กต้องการความช่วยเหลือด้านความเข้าใจหรือเพียงการจัดจังหวะสมาธิ

คำถาม 3: เทคนิค “20 นาทีทำงาน 3 นาทีพัก” มีประโยชน์อย่างไร
คำตอบ: ช่วยให้เด็กทำงานเป็นจังหวะ แบ่งงานเป็นตอนสั้น ๆ และโฟกัสทีละส่วน เทคนิคนี้ฝึกสมาธิ ความทนทานทางจิตใจ และทำให้เด็กทำงานได้อย่างมีระบบ

คำถาม 4: เมื่อใดที่ควรพิจารณาให้เด็กเรียนพิเศษ
คำตอบ: หากเด็กมีความเข้าใจผิดหรือขาดพื้นฐานจริง ๆ เช่น จำคำศัพท์ไม่ได้หรือแก้โจทย์คณิตศาสตร์แบบเปลี่ยนรูปไม่ได้ แม้ฝึกหลายครั้งแล้วยังผิดซ้ำ ๆ นั่นคือสัญญาณที่เด็กอาจต้องการการสอนเสริมอย่างเป็นระบบ

คำถาม 5: บทบาทสำคัญของผู้ปกครองในการช่วยเด็กทำการบ้านคืออะไร
คำตอบ: ควรสังเกตพฤติกรรมของเด็กแทนการตัดสินใจหรือถามว่า “ทำไมไม่ตั้งใจ” เช่น ดูว่าหยุดมือที่บรรทัดไหน ใช้เวลาคิดนานแค่ไหน การสังเกตช่วยให้เข้าใจจุดที่เด็กต้องการความช่วยเหลือและสนับสนุนได้ตรงจุด



เนื้อหาที่น่าสนใจ:

ค้นหา

เกี่ยวกับ

การดูแลสุขภาพ KUBET: ดูแลสุขภาพของคุณอย่างครบวงจร

การดูแลสุขภาพ KUBET นำเสนอบริการดูแลสุขภาพที่ครอบคลุม ตั้งแต่คำแนะนำเกี่ยวกับการใช้ชีวิตที่ดี อาหารเพื่อสุขภาพ ไปจนถึงการออกกำลังกายและการดูแลจิตใจ ช่วยให้คุณมีสุขภาพแข็งแรงและชีวิตที่มีคุณภาพ

KUBET นำเสนอแนวทางการดูแลสุขภาพแบบครบวงจร ตั้งแต่โภชนาการ การออกกำลังกาย ไปจนถึงการให้คำปรึกษาทางการแพทย์ ช่วยให้คุณมีสุขภาพดีและมีชีวิตที่สมดุล ค้นพบเคล็ดลับการดูแลสุขภาพและการใช้ชีวิตอย่างมีสุขภาพที่ช่วยเสริมสร้างความเป็นอยู่ที่ดีในทุกวัน

แท็ก

ไอคอนโซเชียล

แกลเลอรี่