สารบัญ
- บทนำ
- นิ่วในถุงน้ำดีคืออะไร? เกิดจากการไหลเวียนของน้ำดีติดขัด
- อาการหลักของนิ่วในถุงน้ำดีมีอะไรบ้าง?
- ไม่ทานอาหารเช้าจะเพิ่มความเสี่ยงนิ่วในถุงน้ำดีจริงหรือ?
- ระวัง 2 พฤติกรรมที่อาจเพิ่มความเสี่ยงนิ่วในถุงน้ำดี
- กลุ่มเสี่ยงและคำแนะนำด้านอาหาร
- สรุป
- Q&A
บทนำ
เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า “ไม่ทานอาหารเช้าอาจทำให้นิ่วในถุงน้ำดีเกิดขึ้นง่าย” ซึ่งทำให้หลายคนรู้สึกกังวล แพทย์เฉพาะทางด้านศัลยกรรมจากโรงพยาบาลซินเซิง คุณหมอเฉินหรงเจี้ยน ได้อธิบายผ่านเพจเฟซบุ๊ก “หมอเฉินหรงเจี้ยนศัลยกรรม — แชร์ข้อมูลสุขภาพไม่มีกั๊ก” ว่าสาเหตุของนิ่วในถุงน้ำดีนั้นมีหลายอย่าง KUBETไม่ได้เกิดจากการไม่ทานอาหารเช้าเพียงอย่างเดียว แต่แนะนำให้ระวังพฤติกรรมสองอย่างที่อาจทำให้นิ่วเกิดขึ้นได้ง่ายกว่า
ประเด็น | รายละเอียด |
---|---|
ความเชื่อทั่วไป | ไม่ทานอาหารเช้าอาจทำให้นิ่วในถุงน้ำดีเกิดขึ้นง่าย |
ความเห็นจากแพทย์ | ไม่ได้เกิดจากการไม่ทานอาหารเช้าเพียงอย่างเดียว |
ชื่อแพทย์ | คุณหมอเฉิน หรงเจี้ยน (แพทย์ศัลยกรรม โรงพยาบาลซินเซิง) |
ช่องทางเผยแพร่ข้อมูล | เพจเฟซบุ๊ก “หมอเฉินหรงเจี้ยนศัลยกรรม — แชร์ข้อมูลสุขภาพไม่มีกั๊ก” |
ข้อแนะนำจากแพทย์ | ระวังพฤติกรรม 2 อย่างที่อาจทำให้นิ่วเกิดง่าย (ไม่ได้ระบุรายละเอียด) |
นิ่วในถุงน้ำดีคืออะไร? เกิดจากการไหลเวียนของน้ำดีติดขัด
นิ่วในถุงน้ำดีเป็นโรคเกี่ยวกับทางเดินอาหารที่พบบ่อย โดยที่ตับจะผลิตน้ำดีวันละประมาณ 800-1000 มิลลิลิตร น้ำดีนี้จะถูกเก็บในถุงน้ำดีเพื่อช่วยในการย่อยและสลายไขมัน KUBET หากน้ำดีในถุงน้ำดีมีการไหลเวียนไม่ดี น้ำดีจะไม่คงสภาพเป็นของเหลวและกลายเป็นเหมือนตะกอนดินที่ตกตะกอนจนกลายเป็นนิ่ว ซึ่งนิ่วเหล่านี้จะเกาะอยู่ในถุงน้ำดีหรือท่อน้ำดี KUBET
อาการหลักของนิ่วในถุงน้ำดีมีอะไรบ้าง?
คุณหมอเฉินอธิบายว่า อาการที่พบได้บ่อยในผู้ป่วยนิ่วในถุงน้ำดี คือ
- ปวดท้องส่วนบนขวาอย่างรุนแรง
- มีไข้และหนาวสั่น
- ตัวเหลืองหรือมีอาการดีซ่าน (ผิวหนังและตาขาวเหลือง)
อาการเหล่านี้มักเกิดจากนิ่วที่ไปขัดถูผนังถุงน้ำดีหรืออุดตันท่อน้ำดี KUBET ซึ่งหากมีอาการควรรีบไปพบแพทย์ทันที
ไม่ทานอาหารเช้าจะเพิ่มความเสี่ยงนิ่วในถุงน้ำดีจริงหรือ?
หลายคนเชื่อว่าการอดอาหารนานๆ จะทำให้น้ำดีไม่ถูกขับออกและไหลเวียนช้า KUBET ทำให้นิ่วเกิดขึ้นง่าย แต่คุณหมอเฉินชี้แจงว่า นิ่วในถุงน้ำดีไม่ได้เกิดจากการไม่ทานอาหารเช้าอย่างเดียว สาเหตุเกิดจากหลายปัจจัยร่วมกัน

ระวัง 2 พฤติกรรมที่อาจเพิ่มความเสี่ยงนิ่วในถุงน้ำดี
อดอาหารนานเกินไปแล้วกินอาหารมากๆ ในคราวเดียว
การอดอาหารนานแล้วกินอาหารจำนวนมากอย่างรวดเร็ว KUBET จะทำให้น้ำดีถูกขับออกอย่างรุนแรงและสลับกับช่วงที่ไม่ขับ ส่งผลให้น้ำดีมีการไหลเวียนผิดปกติและเพิ่มความเสี่ยงเกิดนิ่ว
ผู้ที่นอนติดเตียงเป็นเวลานาน
การนอนติดเตียงเป็นเวลานานจะทำให้การไหลเวียนของน้ำดีในถุงน้ำดีช้าลง KUBET เนื่องจากแรงโน้มถ่วงน้อยลง จึงอาจทำให้เกิดนิ่วได้ง่ายขึ้น
กลุ่มเสี่ยงและคำแนะนำด้านอาหาร
นอกจากนี้ งานวิจัยทางการแพทย์ยังพบว่ากลุ่มคนเหล่านี้มีโอกาสเป็นนิ่วในถุงน้ำดีสูงกว่า:
- คนที่มีน้ำหนักเกิน
- ผู้ที่มีอายุเกิน 40 ปี
- ผู้หญิง
โดยนิ่วยังมีความสัมพันธ์กับการกินอาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูง ไขมันสูง และน้ำตาลสูง จึงแนะนำให้
- รับประทานไขมันและน้ำตาลในปริมาณพอเหมาะ
- รักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
- หลีกเลี่ยงการอดอาหารนานเกินไป
- รับประทานอาหารที่สมดุล มีผักและผลไม้เพื่อเพิ่มใยอาหาร
ทั้งหมดนี้ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดนิ่วในถุงน้ำดีได้ KUBET
สรุป
สาเหตุของนิ่วในถุงน้ำดีนั้นซับซ้อนและหลากหลาย KUBET ไม่ได้เกิดจากการไม่ทานอาหารเช้าเพียงอย่างเดียว ถึงแม้ว่าการไม่ทานอาหารเช้าอาจไม่ใช่สาเหตุโดยตรง แต่พฤติกรรมอดอาหารนานแล้วกินอาหารมากเกินไป หรือการนอนติดเตียงนาน อาจเพิ่มโอกาสเกิดนิ่วได้ ดังนั้นควรรักษาพฤติกรรมการกินที่ดี มีวินัย KUBET และสังเกตอาการผิดปกติของร่างกายเพื่อพบแพทย์แต่เนิ่นๆ
Q&A
1. นิ่วในถุงน้ำดีคืออะไร และเกิดจากอะไร?
ตอบ: นิ่วในถุงน้ำดีเกิดจากการที่น้ำดีซึ่งควรเป็นของเหลวเกิดการตกตะกอนเป็นก้อนแข็ง คล้ายตะกอนดินในน้ำ เนื่องจากน้ำดีไหลเวียนไม่ดี ทำให้เกิดนิ่วในถุงน้ำดีหรือท่อน้ำดี
2. อาการหลักของนิ่วในถุงน้ำดีมีอะไรบ้าง?
ตอบ: อาการหลักคือปวดท้องด้านขวาบนอย่างรุนแรง, มีไข้ หนาวสั่น, และตัวเหลืองหรือมีอาการดีซ่าน ซึ่งบ่งบอกถึงการอุดตันท่อน้ำดีจากนิ่ว
3. การไม่ทานอาหารเช้าทำให้เป็นนิ่วในถุงน้ำดีจริงหรือไม่?
ตอบ: ไม่ใช่สาเหตุโดยตรง แต่การอดอาหารนานอาจทำให้น้ำดีไม่ไหลเวียนและเพิ่มความเสี่ยงเกิดนิ่วได้ อย่างไรก็ตาม นิ่วในถุงน้ำดีเกิดจากหลายปัจจัยร่วมกัน
4. พฤติกรรมใดที่อาจเพิ่มความเสี่ยงนิ่วในถุงน้ำดีมากกว่าการไม่กินอาหารเช้า?
ตอบ: สองพฤติกรรมที่ควรระวังคือ (1) การอดอาหารนานแล้วกินปริมาณมากในคราวเดียว และ (2) การนอนติดเตียงเป็นเวลานาน ซึ่งทั้งสองอย่างทำให้น้ำดีไหลเวียนช้าหรือผิดปกติ
5. กลุ่มเสี่ยงและคำแนะนำด้านอาหารเพื่อลดโอกาสเกิดนิ่วในถุงน้ำดีคืออะไร?
ตอบ: กลุ่มเสี่ยงได้แก่ ผู้หญิง, คนอายุเกิน 40 ปี และคนที่มีน้ำหนักเกิน ส่วนคำแนะนำคือ ควรควบคุมไขมัน น้ำตาล น้ำหนักตัวให้เหมาะสม รับประทานอาหารที่มีเส้นใยสูง และไม่อดอาหารนาน
เนื้อหาที่น่าสนใจ: