สารบัญ

  1. บทนำ
  2. โรคเลปโตสไปโรซิสคืออะไร?
  3. อาการของโรคหลังติดเชื้อ
  4. ใครบ้างที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงสูง?
  5. วิธีป้องกันโรคเลปโตสไปโรซิส
  6. คำเตือนจากแพทย์: ระวังหลังน้ำท่วม
  7. สรุป
  8. Q&A

บทนำ

ช่วงนี้ไต้หวันได้รับอิทธิพลจากพายุไต้ฝุ่นและมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้หลายพื้นที่มีฝนตกหนักเป็นระยะ ๆ นายแพทย์กั๋ว ตงเอิน จากคลินิกเหรินเหอ แผนกตับ ถุงน้ำดี และทางเดินอาหาร เตือนประชาชนว่า หากในช่วงนี้มีการสัมผัสดินหรือแหล่งน้ำที่ปนเปื้อน KUBET อาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อ “โรคเลปโตสไปโรซิส” (Leptospirosis) ซึ่งมีอาการเริ่มต้นคล้ายกับไข้หวัด เช่น มีไข้ ปวดหัว ท้องเสีย หรือแน่นท้อง หากไม่ได้รับการรักษาทันท่วงที อาจรุนแรงจนถึงขั้นไตวาย KUBET มีเลือดออกในร่างกาย หรือเสียชีวิตได้

หัวข้อรายละเอียด
สภาพอากาศพายุไต้ฝุ่นและมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ส่งผลให้มีฝนตกหนักเป็นระยะ ๆ
ผู้ให้คำแนะนำนายแพทย์กั๋ว ตงเอิน จากคลินิกเหรินเหอ แผนกตับ ถุงน้ำดี และทางเดินอาหาร
ความเสี่ยงการสัมผัสดินหรือแหล่งน้ำปนเปื้อน อาจติดเชื้อโรคเลปโตสไปโรซิส (Leptospirosis)
อาการเริ่มต้นคล้ายไข้หวัด เช่น มีไข้ ปวดหัว ท้องเสีย หรือแน่นท้อง
ภาวะแทรกซ้อนหากไม่ได้รับการรักษาทันท่วงที อาจเกิดไตวาย มีเลือดออกในร่างกาย หรือเสียชีวิต

โรคเลปโตสไปโรซิสคืออะไร?

แพทย์กั๋ว ตงเอิน อธิบายว่า โรคเลปโตสไปโรซิสเกิดจากเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่งชื่อว่า Leptospira เป็นโรคที่ติดต่อระหว่างคนและสัตว์ KUBET พบมากในเขตร้อนและกึ่งร้อน เชื้อนี้มีลักษณะเป็นเส้นบางยาวและโค้งคล้ายตะขอ สามารถอยู่รอดได้ในสภาพแวดล้อมที่ชื้นเป็นเวลานาน สัตว์ที่เป็นพาหะของเชื้อได้แก่ หนู สุนัข หมู วัว ม้า และแกะ ซึ่งเชื้อสามารถปนออกมากับปัสสาวะของสัตว์เหล่านี้ และเมื่อไปปนเปื้อนในดินหรือน้ำ KUBET ก็สามารถแพร่เชื่มสู่คนได้

อาการของโรคหลังติดเชื้อ

โรคเลปโตสไปโรซิสมีอาการที่หลากหลาย และระยะแรกมักคล้ายไข้หวัด KUBET ทำให้ผู้ป่วยส่วนใหญ่ไม่ทันระวัง แพทย์กั๋ว ตงเอิน ระบุว่า อาการระยะแรกมักมีดังนี้

  • มีไข้ ปวดหัว หนาวสั่น
  • ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ อ่อนเพลีย
  • คลื่นไส้ อาเจียน หรือท้องเสีย
  • ตาแดง เจ็บตา

หากอาการลุกลามเข้าสู่ระยะรุนแรง อาจเกิดภาวะต่อไปนี้

  • เยื่อหุ้มสมองอักเสบ
  • ไตวาย
  • ตับทำงานผิดปกติ (มีอาการตัวเหลือง ตาเหลือง)
  • มีเลือดออกในร่างกายหรือหายใจลำบาก

แพทย์ย้ำว่า หากมีอาการไข้สูงไม่ลดลง หรือมีอาการเหลือง KUBET ควรรีบไปพบแพทย์ทันที เพื่อป้องกันไม่ให้โรครุนแรงขึ้น

ใครบ้างที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงสูง?

นอกจากช่วงที่มีน้ำท่วมหรือมีน้ำขังแล้ว KUBET กลุ่มอาชีพและกิจกรรมต่อไปนี้มีความเสี่ยงสูงในการติดเชื้อโรคเลปโตสไปโรซิส:

  • เกษตรกรและผู้เลี้ยงสัตว์ เช่น ชาวนา ผู้เลี้ยงหมู หรือวัว
  • พนักงานทำความสะอาด และเจ้าหน้าที่ระบายน้ำ
  • ผู้ที่ชอบตั้งแคมป์หรือทำกิจกรรมกลางแจ้ง
  • อาสาสมัครหรือเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือหลังภัยพิบัติ

กลุ่มเหล่านี้มีความเสี่ยงเมื่อสัมผัสปัสสาวะของสัตว์ติดเชื้อ KUBET หรือสัมผัสดินและน้ำที่ปนเปื้อนผ่านทางบาดแผลหรือเยื่อบุผิวหนัง

วิธีป้องกันโรคเลปโตสไปโรซิส

แพทย์กั๋ว ตงเอิน เน้นย้ำว่า การป้องกันและการรักษาความสะอาดเป็นสิ่งสำคัญ โดยควรปฏิบัติดังนี้

  • สวมอุปกรณ์ป้องกัน: ขณะทำงานหรือลงน้ำ ควรใส่ถุงมือ รองเท้าบูท และเสื้อแขนยาว เพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสน้ำสกปรกโดยตรง
  • หลีกเลี่ยงการให้น้ำโดนแผล: หากมีบาดแผล ควรปิดด้วยพลาสเตอร์กันน้ำ หรือหลีกเลี่ยงการลงน้ำโดยตรง
  • รักษาความสะอาดส่วนบุคคล: หลังทำงานหรือกลับจากพื้นที่เสี่ยง ควรรีบล้างมือและอาบน้ำด้วยสบู่ให้สะอาด
  • ดื่มน้ำสะอาด: ควรต้มน้ำให้เดือดก่อนดื่ม หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำบาดาลหรือน้ำจากแม่น้ำที่ไม่ผ่านการกรอง
  • กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์หนู: รักษาความสะอาดบริเวณบ้าน จัดเก็บอาหารและขยะให้มิดชิด เพื่อป้องกันไม่ให้หนูมาอาศัย

คำเตือนจากแพทย์: ระวังหลังน้ำท่วม

แพทย์กั๋ว ตงเอิน เตือนว่า หลังเกิดฝนตกหนักหรือน้ำท่วม คือช่วงที่โรคเลปโตสไปโรซิสระบาดมากที่สุด ประชาชนที่ช่วยทำความสะอาดหลังน้ำท่วมควรระมัดระวัง KUBET โดยเฉพาะพื้นที่ที่ยังมีน้ำขัง ควรหลีกเลี่ยงการเดินเท้าเปล่าหรือสัมผัสโคลนโดยตรง หากมีอาการไข้ ปวดกล้ามเนื้อ ตัวเหลือง ปัสสาวะน้อย หรืออ่อนเพลีย ควรรีบไปพบแพทย์พร้อมแจ้งว่าเคยสัมผัสน้ำหรืองานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้แพทย์วินิจฉัยได้เร็วขึ้น

สรุป

แม้ว่าโรคเลปโตสไปโรซิสจะไม่ใช่โรคที่พบได้บ่อย แต่ในช่วงฤดูฝนและน้ำท่วมก็ยังถือเป็นภัยต่อสาธารณสุขที่ไม่ควรมองข้าม KUBET ประชาชนสามารถป้องกันได้ด้วยการดูแลสุขอนามัยส่วนตัว รักษาความสะอาดของสิ่งแวดล้อม และระมัดระวังเมื่ออยู่ในพื้นที่เสี่ยง เพียงเท่านี้ก็สามารถลดความเสี่ยงในการติดเชื้อและผ่านพ้นฤดูฝนได้อย่างปลอดภัย

Q&A

  1. โรคเลปโตสไปโรซิสเกิดจากอะไรและติดต่อได้อย่างไร?
    ตอบ: โรคเลปโตสไปโรซิสเกิดจากเชื้อแบคทีเรียชนิด Leptospira ติดต่อจากสัตว์สู่คน โดยเชื้อจะปนออกมากับปัสสาวะของสัตว์ เช่น หนู สุนัข หมู วัว ม้า และแกะ และสามารถแพร่สู่คนเมื่อสัมผัสดินหรือแหล่งน้ำที่ปนเปื้อนผ่านบาดแผลหรือเยื่อบุผิวหนัง
  2. อาการเริ่มต้นของโรคเลปโตสไปโรซิสมีอะไรบ้าง?
    ตอบ: อาการเริ่มต้นคล้ายไข้หวัด ได้แก่ มีไข้ ปวดหัว หนาวสั่น ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ อ่อนเพลีย คลื่นไส้ อาเจียน หรือท้องเสีย และอาจมีตาแดงหรือเจ็บตา
  3. กลุ่มคนใดที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงสูงต่อโรคเลปโตสไปโรซิส?
    ตอบ: กลุ่มเสี่ยงสูง ได้แก่ เกษตรกรและผู้เลี้ยงสัตว์, พนักงานทำความสะอาดและเจ้าหน้าที่ระบายน้ำ, ผู้ที่ชอบตั้งแคมป์หรือทำกิจกรรมกลางแจ้ง และอาสาสมัครหรือเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือหลังภัยพิบัติ
  4. วิธีป้องกันโรคเลปโตสไปโรซิสมีอะไรบ้าง?
    ตอบ: วิธีป้องกัน ได้แก่ สวมอุปกรณ์ป้องกันเช่นถุงมือ รองเท้าบูท เสื้อแขนยาว, ปิดบาดแผลไม่ให้น้ำโดน, รักษาความสะอาดส่วนบุคคลและล้างมือ, ดื่มน้ำสะอาดหรือต้มน้ำก่อนดื่ม, และกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์หนูรอบบ้าน
  5. ทำไมช่วงหลังฝนตกหนักหรือน้ำท่วมจึงต้องระวังโรคเลปโตสไปโรซิสเป็นพิเศษ?
    ตอบ: เพราะช่วงนี้น้ำขังทำให้เชื้อโรคแพร่กระจายได้ง่าย ผู้ที่สัมผัสน้ำหรือโคลนมีความเสี่ยงสูง หากมีอาการไข้ ปวดกล้ามเนื้อ ตัวเหลือง หรือปัสสาวะน้อย ควรรีบไปพบแพทย์ทันทีเพื่อวินิจฉัยและรักษาอย่างรวดเร็ว



เนื้อหาที่น่าสนใจ:

ค้นหา

เกี่ยวกับ

การดูแลสุขภาพ KUBET: ดูแลสุขภาพของคุณอย่างครบวงจร

การดูแลสุขภาพ KUBET นำเสนอบริการดูแลสุขภาพที่ครอบคลุม ตั้งแต่คำแนะนำเกี่ยวกับการใช้ชีวิตที่ดี อาหารเพื่อสุขภาพ ไปจนถึงการออกกำลังกายและการดูแลจิตใจ ช่วยให้คุณมีสุขภาพแข็งแรงและชีวิตที่มีคุณภาพ

KUBET นำเสนอแนวทางการดูแลสุขภาพแบบครบวงจร ตั้งแต่โภชนาการ การออกกำลังกาย ไปจนถึงการให้คำปรึกษาทางการแพทย์ ช่วยให้คุณมีสุขภาพดีและมีชีวิตที่สมดุล ค้นพบเคล็ดลับการดูแลสุขภาพและการใช้ชีวิตอย่างมีสุขภาพที่ช่วยเสริมสร้างความเป็นอยู่ที่ดีในทุกวัน

แท็ก

ไอคอนโซเชียล

แกลเลอรี่